ชื่อจริง >>> Park Pyeong Ho
เกิด >>> 3 เมษายน 1978
สถานที่ๆเขาเติบโตมา >>> Buyeo County, South Chungcheong Province, South Korea
3 เมษายน 1978 : คือวันเกิดของเด็กชาย Park Pyung Ho
Park Si Hoo เอ่ยถึงตัวของเขาเองว่า : ผมเป็นเด็กเงียบๆ ผมไม่ชอบอยู่ต่อหน้าผู้คนและผมจะใช้เวลาอยู่ตามลำพังเป็นส่วนใหญ่ เพื่อนๆที่โรงเรียนแทบทุกคนชอบไปเล่นฟุตบอลกัน ผมจะไปอีกทางหนึ่งฝึกยกบาร์หรือเล่นบาร์คู่เพื่อฝึกกล้ามเนื้อของผม คอยคิดกับตัวเองอยู่เสมอว่า ทำไมไม่ฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงแทนที่จะวิ่งไปรอบๆในเวลาที่มีแสงแดดที่แรงกล้าอย่างนั้น
เด็กชาย Park Pyeong Ho
ประถมที่ >>> โรงเรียน Baekje Elementary School
มัธยมต้นที่ >>> โรงเรียน Eansan Middle School
มัธยมปลายที่ >>> โรงเรียน Buyeo High School
ระดับมหาวิทยาลัยที่ >>> Hanyang University
อาชีพ : นักแสดง
ชื่อในภาษาเกาหลี ( Hangul ) : 박시후
ส่วนสูง : 182cm
น้ำหนัก : 70kg
ราศี : มีน
กรุ๊ปเลือด : B
ครอบครัว : พ่อ, แม่, น้องชาย Park Woo Ho
ซึ่งตามคำบอกเล่าด้วยตัวของเขาเองในการให้สัมภาษณ์เมื่อหลายปีก่อน เขากล่าวว่าเขานั้นเกิดที่กรุงโซล แต่ในทันทีที่เขาเกิดครอบครัวของเขาก็ย้ายกลับไปอยู่ที่เมือง Buyeo ในจังหวัด Chuncheong ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเกาหลีใต้และเขาก็เติบโตจากที่นั่นมาโดยตลอดจนจบการศึกษาในชั้นมัํยธมปลาย
ครอบครัวของ PSH นั่นมีฐานะที่รำ่รวย บ้านของเขาตั้งอยู่ในทำเลที่ดีมาก ต้องตำราฮวงจุ้ยทุกประการที่เรียกว่า " Plum blossom Landing" (ดินแดนที่ดอกพลัมตกดิน) มีความหมายว่า " ให้ลูกหลานที่สืบตระกูลมีความเจริญรุ่งเรือง " บ้านของครอบครัวเขาสร้างด้วยหินและกระเบื้อง และ ย่าของ PSH มักจะนำอาหารไปให้กับคนที่ขาดแคลนนับร้อยทุกๆเดือน เท่ากับว่าย่าของเขาจะต้องมีเงินสะสมที่ดีมากๆทีเดียว รถบัสจะเข้ามาในหมู่บ้าน เพียง 5 ครั้งต่อวัน ใช้เวลา 40 นาทีจาก Buyeo เพียงเพื่อที่จะมาสู่เมืองที่ถือว่าเป็นเมืองกับเขาจริงๆที่เรียกงว่า Ka Gong Li ในตัวเมือง Buyeo ในเขต Eunsan
ในช่วงระหว่างปี 1960 - 1970 พ่อของเขา Park Yong Hoon นั้นเป็นนายแบบโฆษณาที่ได้รับความนิยมคนหนึ่งและบางครั้งก็มาเป็นนักแสดงด้วย พ่อจะพาลูกชายตัวน้อยๆของเขาไปดูหนัง และจากช่วงเวลานั้นที่ หนุ่มน้อย Pyung Ho ก็ค่อยๆซึมซับเก็บเอาความประทับใจกับหนังละครขึ้นมาเรื่อยๆ
ในปี 1998 : Pyung Ho ได้เติบโตมาเป็นหนุ่มน้อยวัย 20 ปีบริบูรณ์ และนั่นแหละคือช่วงเวลาที่เขาได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะต้องเข้ามาในกรุงโซลเพื่อตามหาฝันของเขาให้เป็นจริงให้ได้
และโดยบังเอิญวันหนึ่งเขาก็ได้พบกับเพื่อนในสมัยเรียนที่ป้ายรถเมล์ในเมือง Buyeo จึงทราบว่าเพื่อนคนนี้ได้ไปทำงานในกรุงโซล และเสนอที่จะให้ความช่วยเหลือเขาทั้งที่พัก และงานให้เขาทำอีกด้วย กับข้อเสนอที่มาแบบไม่คาดหวังเช่นนี้ มีหรือเขาจะเมินเฉยอยู่ได้ เขาจึงตอบรับโดยทันที และตัดสินใจที่จะออกจากบ้านมุ่งมั่นมาที่กรุงโซล เพื่อตามหาฝันที่ดูช่างไกลเกินเอื้อมสำหรับเด็กหนุ่มจากเมืองเล็กๆห่างไกลความเจริญอย่าง Park Pyung Ho
ในปี 1998 : Park Pyung Ho ได้ออกจากบ้านมาตามคำชวนของเพื่อนนักเรียนเก่าที่พบกันที่ป้ายรถเมล์ โดยเสนอจะช่วยเหลือเขาทั้งที่พักและงานให้ทำ Pyung Ho ไม่มีเวลาคิดและเตรียมตัวอะไรมากนัก เขาจึงแทบไม่มีอะไรติดตัวมาจาก Buyeo เลย
PSH : " ผมเชื่อมั่นว่าผมจะต้องประสพความสำเร็จ และความเป็นคนที่ไม่ยอมรับรู้กับความเป็นจริงของชีวิตในช่วงนั้น ผมจึงกล้า บ้าบิ่น พอที่จะมุ่งมั่นต่อไป เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังว่าผมจะต้องได้แสดงเป็นตัวนำ เมื่อคิดถึงช่วงนั้นแล้วผมรู้สึกว่ามันเป็นการมองโลกในแง่ดีที่ไม่มีพื้นฐานจากอะไรเลย แม้หลายปีผ่านไป ผมก็ไม่เคยย่อท้อ หรือเลิกล่มความคิดที่ว่า วันหนึ่งผมจะต้องประสพความสำเร็จ ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนที่มีเหตุผลหรือไตร่ตรองอะไร แต่เพราะธรรมชาติของผมที่เป็นคนมุมานะ บากบั่น และ ดึงดัน"
เมื่อมาถึง Seoul เขาจึงทราบว่าเพื่อนที่แนะนำเขานั้นเป็นพวกฉ้อโกง เขาจึงตัดสินใจหลบหนีออกมา และโดยปราศจากซึ่งแผนการณ์ล่วงหน้าใดๆเขาก็สร้างทางให้กับตัวเองผ่านงานในมหาวิทยาลัย
เขาเข้าศึกษาใน " มหาวิทยาลัย Hanyang " วิชาเอกของเขาคือ ... การศึกษาเกี่ยวกับการบริหารงานชุมชน (คงจะคล้ายๆ รัฐศาสตร์ บ้านเรา) และเขาก็เข้ามาเป็นสมาชิกของกลุ่มละครเวทีของมหาวิทยาลัยด้วย
Pyung Ho : ได้งานเป็นนักแสดงนำฝ่ายชายร่วมกับนักแสดงอีกคนหนึ่ง( Double-cast หมายถึง สลับกันเป็นพระเอกกับนักแสดงอีกคนหนึ่งในละครเวทีที่มีหลายรอบด้วยกัน ) ในละครเรื่อง " Twelve Nyang Life "* ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตที่ทุกข์ยากของเขา
PSH ขณะเดินอยู่ใน Campus ของมหาวิทยาลัย
นี้คือบันไดเพื่อลงไปในห้องเก็บของซึ่ง PSH
ใช้ที่แคบๆใต้บันไดนี้อีกทีหนึ่งเป็นที่อาศัยหลับนอนกว่า 1 ปีครึ่ง
PSH : " ครั้งหนึ่งผมเคยใช้โรงยิมเป็นที่พักอาศัย ... เพราะเพื่อนที่ผมอาศัยอยู่กับเขาอยู่ๆก็ถูกเรียกไปเกณฑ์ทหาร ( ไม่สามารถที่จะรับภาระจ่ายค่าห้องเพียงคนเดียวได้ ) ผมต้องเอากล่องใส่น้ำดื่มมาต่อเข้าด้วยกันตรงที่ว่างใต้บันไดเพื่ออาศัยเป็นที่นอน อยู่อย่างนั้นประมาณ 1 ปีครึ่ง เวลาฝนตก น้ำก็จะทะลักเข้ามารวมกัน (ยิ้ม) อยู่ตรงที่ๆผมนอน มันราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง "
PSH : " มันคือโรงยิมแถวๆ Bangdae Dong ... ยังคงอยู่จนถึงทุกวันนี้ครับ ผมอยากจะกลับไปสักครั้งหนึ่งเหมือนกัน ช่วงเวลานั้นคือช่วงเวลาที่ว้าเหว่ที่สุดของผม ผมอยู่ตามลำพังคนเดียวเป็นวันๆ นับตั้งแต่ผมตัดสินใจแยกตัวออกมาจากบ้านเพื่อมาเป็นนักแสดง ผมก็ใช้เวลาทำงานอยู่ที่นั้น เพราะไม่อยากเป็นภาระกับใคร
PSH : ได้เล่าถึงช่วงขีวิตที่ด้องฝืนทนของเขา ซึ่งเป็นช่วงที่เขากำลังมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยมที่จะได้เริ่มสร้างชื่อให้กับตัวเองใน ละครเวทีเรื่องแรกของเขา ซึ่งในวันแรกนั้นไม่ไช่รอบที่เขาจะต้องแสดงในฐานะตัวนำ
PSH : มันถึงช่วงที่ละครกำลังจะฉายรอบแรกแล้ว และเป็นเวลาที่จะต้องออกทำการแจกใบปลิวไปตามที่สาธารณะต่างๆ ในที่สุดหน้าของผมจะได้ปรากฏในภาพกับเขาเสียที ผมนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างเต็มเปี่ยม ผมได้เป็นตัวนำ ใช่ไหมหละ? ผมก็เลยเปิดสมุดคู่มือการชมละครออกดู อุ๊ป! ชื่อของผมไม่ได้อยู่ที่รายชื่อของนักแสดง มันกลับไปอยู่ที่ด้านหลัง? ไม่นะ อยู่ตรงหน้าที่ 3 รวมอยู่กับพนักงานทั่วๆไปผมเห็นรูปของผมแล้ว เป็นไปได้อย่างไร ? นี้เพราะผมมาร่วมกับเขาไม่ถึงครึ่งปีหรืออย่างไร ? ผมนั้นสะเทือนใจมากเป็นที่สุด ผมไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร ผมวิ่งไปนั่งที่สวนสาธารณะในทันที นั่งอยู่อย่างนั้นประมารณ 20 -30 นาที ได้แต่จ้องอยู่ที่สมุดคู่มืออยู่อย่างนั้น คอยคิดแต่ว่าผมควรจะกลับบ้านไปเสียเลยดีไหมและลืมทุกสิ่งทุกอย่างให้หมด แต่นี้มันใกล้จะถึงเวลาที่การแสดงจะเริ่มแล้ว แต่เพราะมันเป็น Double cast ( ทีมนักแสดง 2 ชุด) วันนั้นมันเป็นของอีกกลุ่มหนึ่งที่จะต้องแสดงและผมมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องของการให้แสง ถ้าผมไม่ทำมัน มันก็จะไม่มีแสงไฟ ดังนั้นผมจึงกลับไปที่โรงหนัง
PSH : เมื่อการแสดงสิ้นสุดลง ผมได้กลับไปที่ห้องเล็กๆของผมที่สถานออกกำลังกายแห่งนั้น ผมรู้สึกว่าตัวเองนั้นช่างเคราะห์ร้ายเหลือเกิน มันมืดแปดด้านไปหมด ผมไม่รู้จักใครเลย ผมมาที่โซลด้วยมือเปล่าๆ ผมรู้สึกทั้งเหงา ว้าเหว่ และเสียใจมากๆ ดังนั้นในชั่วขณะนั้นเองผมก็เลยตัดสินใจครั้งสำคัญ
PSH : ผมใช้โทรศัพท์เข้าไปที่ศูนย์โทรเพื่อโทรทางไกลไปที่บ้าน ( NK : นั้นเป็นวิธีเก่าๆดั้งเดิมก่อนมี cellphone ที่เราต้องโทรผ่านศูนย์เพื่อที่จะโทรทางไกลไปต่างจังหวัด ) ผมรู้สึกว้าเหว่มากจริงๆ ผมจึงโทรเข้าไปหาแม่ ในทันทีที่ได้ยินเสียงแม่เท่านั้นน้ำตาของผมก็ไหลออกมาแบบชนิดหยุดไม่ได้เอาเลย ตามองดูห้องเล็กๆแคบๆตรงหน้าและพูดกับแม่ไปด้วย ผมอยากให้แม่ปลอบโยนผมแต่แม่กลับพูดว่า " ถ้ามันยากลำบากนักที่ Seoul แล้วจะทนอยู่ที่นั่นไปทำไม ? กลับมาบ้านเดี๋ยวนี้เลย! " แม่ของผมไม่ทราบว่าอะไรเกิดขึ้น เธอคิดว่าผมกำลังไปได้ดี ผมถามแม่ว่า" แม่ ผมกำลังรู้สึกสิ้นหวัง และ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ผมถึงได้โทรมาหาแม่ ทำไมแม่ต้องมาดุผม ? "
ระหว่างปี 1999 - 2003 จนในที่สุดเขาจึงตัดสินใจไปเข้ารับราชการทหารอยู่ถึง 3 ปี
ในปี 2003 : หลังจากออกมาจากกองทัพได้ไม่นาน Pyung Ho ก็ได้งานโฆษณาชุดชั้นในชิ้นหนึ่งที่ภาพของเขาในชุดชั้นในยังคงวนเวียนออกมาทาง Internet อยู่เสมอๆ โดยตัวของเขาเองมักพูดถึงเรื่องนี้ทุกคนที่ถูกถามขึ้นมาว่า " ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็นนายแบบกางเกงชั้นในได้ " และเขาก็ใช้เวลาอีกหนึ่งปีครึ่งอยู่กับชีวิตในโรงละคร ถ่ายโฆษณา และแสดงละครเป็นตัวประกอบเล็กๆอยู่อย่างนั้น
2003 นี่เองที่ Park Pyung Ho ได้ตัดสินใจเปลี่ยนชื่อของเขามาเป็น " Park Si Hoo " ชื่อ Park Si Hoo ได้เริ่มใช้มาในราวปี 2003 โดยผู้นำสวดที่หมู่บ้านเป็นผู้ตั้งให้ ความหมาย
" Si " คือ มีเมตตาต่อผู้ยากไร้
" Hoo " คือ มีจิตใจที่อบอุ่น อ่อนโยน ลึกซึ้ง
ชีวิตในช่วงนั้นของเขา วันๆหนึ่งจะหมดไปกับการต้องวิ่งรอกไปถ่ายโฆษณาบางชิ้น ในเวลาเดียวกับที่เขามีงานแสดงบนเวที เขาต้องทำงาน Part time ควบคู่ไปกับบทเล็กๆที่เขาจะได้เล่น ถ่ายแบบ ทำงานบนเวที วนเวียนอยู่อย่างนั้นแต่เขาก็ไม่เคยท้อแท้
No comments:
Post a Comment